1725 จำนวนผู้เข้าชม |
การทำงานแบบเดิม คือ การทำด้วยคน หรือ ทำด้วยมือ หรือเครื่องกล เป็นส่วนๆ ถึงแม้ว่าเราเป็นว่า ปัจจุบันก็ยังทำด้วยคอมพิวเตอร์อยู่แล้วนี้ ทำไมถึงว่ายังไม่เป็นดิจิตอลอยู่หรือ
การทำงานแบบเดิมเป็นการทำงานแบบเป็นส่วนๆ แต่หลักการทำงานด้วย BIM (Building Information Modeling) เป็นการทำงานโมเดลอาคารในครั้งเดียว แต่สามารถนำข้อมูลโมเดลไปใช้งานในส่วนอื่นๆได้อีก โดยไม่ต้องไปสร้างโมเดลใหม่ซ้ำๆกัน เพราะยิ่งทำเยอะก็มีโอกาสขัดแย้งกันมากยิ่งขึ้น และแน่นอนก็คือ ต้นทุนการทำงานที่สูงขึ้น
สำหรับการออกแบบและก่อสร้าง เราจะเริ่มจากการออกแบบสถาปัตยกรรม โดยขึ้นเป็นโมเดลอาคาร 3 มิติ แล้วให้วิศวกรโครงสร้างนำเอาโมเดลสถาปัตยกรรมอาคาร ไปทำงานโครงสร้างต่อโดยไม่ต้องไปเริ่มโมเดลโครงสร้างอาคารใหม่อีกรอบ ซึ่งแม้กระทั่งปัจจุบันองค์กรที่ใช้ BIM ก็มักต่างคนต่างทำกันอยู่ดี เนื่องจากไม่สามารถส่งไฟล์ไปทำงานต่อได้ เพราะมักทำมาจากหลากหลายโปรแกรม ทำให้เมื่อต่างคนต่างทำ ต่างไฟล์กันแล้ว ก็เป็นเรื่องยากที่จะจัดการได้ทั้งระบบตามแนวความคิดของ BIM
การทำงานโมเดลอาคารทำยังไงที่ทำงานได้ในโมเดลเดียวกันทั้งอาคาร ทั้งสถาปัตยกรรม โครงสร้าง งานวิศวกรรมงานระบบอาคาร (MEP) มักพบว่าโปรแกรมที่ทำๆกันมักไม่รองรับการทำงานแบบที่ว่า และไม่รองรับกับไฟล์ที่มีขนาดใหญ่ ทำให้การออกแบบอาคารเริ่มหลุดอยู่จากกัน ซ฿่งเป็นจุดที่ 1 ที่ไม่เป็นดิจิตอล เนื่องจากแต่ละประเภทงาน การนำมาร่วมกันทำให้เกิดการขัดแย้งกัน หรือที่เรียกว่า Crash Detection ซึ่งต้องประสานงาน ประชุม แก้ไข ตรวจสอบ และติดตามการแก้ไข เป็นแบบเดิมอยู่ดี ก็ไม่ได้เป็นดิจิตอล การตรวจสอบความถูกต้องของแบบ (Design Review) การดูแบบแผ่นใหญ่ๆ หรือ ดูจากจอคอมพิวเตอร์จะต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ แล้วก็ต้องทำ mark up ส่งไปให้ผู้เกี่ยวข้อง ต้องอาศัยการส่งไฟล์ไปมาทาง email การประชุม การโทรศัพท์ หรือ แม้กระทั่งการประชุมออน์ไลน์ก็ตาม
การทำงานเราเริ่มหลุดจากดิจิตอล จุดที่ 2 ซึ่งหากเราเอาการทำงานออกแบบก่อสร้างในทุกขั้นตอนของแต่ละองค์กรจะพบว่า มีต้นทุนเกือบ 50 % เลยทีเดียว ครับถูกต้องแล้วครับ การติดต่อประสานด้วยระบบจากคอมพิวเตอร์แล้วมาเป็นการสื่อสารด้วยมนุษย์ใหม่ นี้คือต้นทุนที่คนส่วนใหญ่มักไม่เข้าใจ เพราะว่า คนทำงานมักจะมีทัศนคติเป็นของตัวเอง ต้องมีวันหยุด มีวันป่วย มีค่าใช้จ่ายการเดินทาง และอื่นๆ
เมื่อขั้นตอนการออกแบบเสร็จแล้ว การถอดแบบก่อสร้างก็ถอดด้วยมือ จากแบบแปลน 2 มิติอยู่ดี ซึ่งเป็นจุดที่ 3 ที่เป็นจุดหลุดจากดิจิตอล และทำให้ไม่เป็นดิจิตอลอีกต่อไป การสำรวจก่อสร้างก็ไม่ได้อาศัยข้อมูลดิจิตอล เป็นการส่องกล้องแบบเดิมๆ ใช้ทักษะช่างสำรวจล้วนๆ และแน่นอน มีโอกาสผิดจนได้ โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ การทำงานระหว่างก่อสร้างทั้ง การควบคุมโครงการ การจัดซื้อ การควบคุมต้นทุน การวางแผนโครงการ และอื่นๆ ล้วนเป็นการทำงานแบบ Manual ทั้งหมด เพราะข้อมูลหลุดคนละทิศคนละทาง
และทำให้เมื่อสร้างเสร็จแล้วการทำเอกสารคู่มือ (Handover Manual) ให้กับเจ้าของโครงการ นั้นก็มักจะเป็นคนละข้อมูลกับการทำงานจริงๆ และต้นทุน
การทำเอกสารเหล่านี้ล้วนเป็นต้นทุนที่สูง ต้องการความถูกต้อง และรวดเร็ว การทำด้วยมือ หรือ คน ล้วนเป็นปัญหาในปัจจุบัน
การทำด้วยคนหรือมือ เป็นการทำงานที่มีต้นทุนสูงขึ้นตลอดเวลา และการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์เป็นส่วนๆ ก็เช่นกัน การทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ให้ทำงานได้ครบ workflow ทำให้ข้อมูลลื่นไหลจากเริมต้นจนเสร็จ จะทำให้ต้นทุนการทำงานโดยรวมต่ำกว่าการทำงานด้วยคนหรือมือ และองค์กรใดที่พยายามรวบรวมทำงานได้ครบเร็วกกว่าคนอื่น ก็หมายถึง สามารถทำงานได้ในราคาต่ำกว่ารายอื่น เพราะทำงานได้รวดเร็วกว่า ใช้แรงงานน้อยกว่า นั้นหมายถึง มีกำไรที่มากกว่า
ในยุคปัจจุบัน ผู้ที่ทำได้สำเร็จจะกลายเป็นคนกินรวบ หรือที่เรียกว่า Winner takes All