BIM Manager ภาระกิจ และ หน้าที่ที่ต้องทำ

BIM Manager เป็นผู้ที่ถูกกำหนดให้รับผิดชอบการทำแบบก่อสร้างระหว่างการออกแบบ (Design Stage) หรือ ระหว่างการก่อสร้าง (Construction Stage) โดยต้องประสานงานกับทีมงานทั้งในและนอกองค์กร ซึ่งมีความรู้ ความสามารถ ทักษะ และ mindset ที่แตกต่างกัน  แต่ต้องทำงานให้เสร็จตามเวลาที่กำหนดและมีคุณภาพ ตามผู้จัดการโครงการกำหนด  ทำให้ BIM Manager เป็นผู้แบกภาระและลักษณะการทำงานเป็นแบบคอขวด หากทำไม่เสร็จตามกำหนด ฝ่ายอื่นจะไม่สามารถทำงานต่อได้ ทำให้โครงการล่าช้าไป ดังนั้นความกดดัน เลยมาตกที่ BIM Manager

ภาระกิจหน้าที่ ต้องมาพร้อมเครื่องมือที่ถูกต้อง BIM Manager ถูกกำหนดภาระหน้าที่เด่นชัด แต่มีซักกี่คนจะรู้ว่า ตัวเองต้องการเครื่องมือมาช่วยลดภาระลง การนัดประชุมแบบเดิมๆ ในยุคโควิด-19 อาจเป็นสิ่งที่ไม่พึ่งประสงค์อีกต่อไป การประชุมส่วนหนึ่งเพื่อเครียร์แบบ หาความรับผิดชอบแต่ละฝ่ายต้องทำ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องติดตามการประชุมครั้งที่แล้วว่า ทำเสร็จหรือยัง ล่าช้าหรือไม่ การติดต่อติดตามความก้าวหน้าการแก้ไข BIM ไม่จำเป็นต้องมาประชุม เปิดเมล์ ซึ่งส่วนใหญ่ประชุมอีกครั้ง อีเมล์ที่ส่งไปผู้รับเมล์มักปฎิเสธความรับผิดชอบว่า ยังไม่ได้เปิดอีเมล์ หรือ สั่งแก้ไขไปแล้ว 10 ข้อ ทำเสร็จแค่ 5 จุด ต้องมาประชุมกันและพูดหรือติดตามเรื่องเดิมๆ  สุดท้ายการก็เกิดความขัดแย้งระหว่างบุคคล (Conflict) 

BIM Manager จำเป็นต้องใช้โปรแกรมประเภท BIM Collaboration เพื่อตรวจสอบว่า แต่ละโมเดลที่ส่งมามีจุดขัดแย้งกันตรงไหน หรือ ชนกันตรงไหน (Crash Dection)  การค้นหาจุดชนกันด้วยมือ หรือ ใช้โปรแกรม Crash Detection ในตลาด มักไม่ได้คุณภาพ เพราะทำงานได้แค่ส่วนเดียวก็คือ ทำ crash Detection แล้วยังไงต่อ  ต้องมาประชุมกัน อยู่ดี 

ซึ่งโปรแกรม BIM Collaboration จะต้องเป็น Cloud Based เพราะทำให้แต่ละคนซึ่งทำงานในต่างสถานที่ สามารถประสานงานร่วมกันได้ และ ต้องสามารถ update สถานะการทำงานที่เกิด crash detection ได้ผ่านโปรแกรมสร้าง BIM ได้ เช่น Revit, ArchiCAD ,Navisworks, AutoCAD, Tekla , Solibri , CIvil3d และโปรแกรมที่รองรับการทำงานแบบ OpenBIM 

ซึ่ง BIMTrack สามารถตอบโจทย์เหล่านี้ได้เป็นอย่างดี  โปรแกรม BIMTrack ทำให้เจอปัญหา ส่งการ ติดตาม  update และสรุปสถานะเอกสาร หรือ แบบก่อสร้างว่า แต่ละคนทำไปถึงไหน อย่างไร ล่าช้าไปกี่วัน  โดยกำหนด Workflow เอกสารได้ ทั้งหมดทำงานผ่าน Cloud ทำให้ไม่ต้องมาเจอกัน ไม่ต้องส่งอีเมล์แบบเดิม ผู้ใช้งานโปรแกรมอะไร ก็ update ได้จากโปรแกรม เพราะโปรแกรมจะมี add on ติดในโปรแกรมเช่น Revit ทำให้ BIM Modeler ไม่ต้องเสียเวลาไปแจ้งในที่อื่นๆให้เสียเวลา ไม่ต้องยุ่งยากอีกต่่อไป

BIMTrack สามารถลดเวลาจากการทำงานแบบเดิมๆ ให้รวดเร็วขึ้น ซึ่งเป็นโปรแกรมที่คนใช้ Revit ต้องมี !