ทูพลัส ซอฟท์ฯ ภูมิใจนำเสนอซอฟท์แวร์รองรับ Revit Platform ที่ใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย ตั้งแต่การเริ่มออกแบบ คำนวณ ประสานงาน บริหารโครงการ บริหารต้นทุน บริหารอาคาร (FM) ด้วยเทคโนโลยี BIM (Building Information Modeling)
หากโปรแกรมวิเคราะห์และออกแบบโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก เหล็กรูปพรรณ ไม้ อลูมิเนียมที่ใช้อยู่ แต่ไม่มีคำสั่งวิเคราะห์ออกแบบฟังค์ชั่นใหม่ๆ หรือ วัสดุใหม่ๆไม่ได้ โปรแกรม RFEM ของ Dlubal เป็นคำตอบให้ท่านได้
สถาปนิก วิศวกร ผู้รับเหมาก่อสร้าง เจ้าของโครงการ อาจหนีไม่พ้นกับ มาตรฐานการทำงานของ ISO ด้าน BIM และทรัพย์สิน เพราะมาตรฐานใหม่นี้ทำให้เราทำงานได้ดีขึ้น เป็นมาตรฐานสากลที่ทั่วโลกให้การยอมรับ เราจึงต้องทำความเข้าใจกับ ISO 19650 และ 55000
โปรแกรมออกแบบห้องน้ำระดับ High End ที่ช่วยให้โรงงาน โชว์รูม และ ผู้รับเหมาปูกระเบื้อง ทำงานได้กว้างขึ้น โดยรุ่น 2020 นี้ รองรับการทำงานระบบ BIM (Building Information Modeling)
การออกแบบโครงสร้างอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก มักจะหลีกเลี่ยงการใช้พื้นคอนกรีตอัดแรง (Post Tensioned Floor) ไปไม่ได้ เพราะพื้นคอนกรีตอัดแรงมีความเหมาะสมกับสภาพการทำงานมากที่สุด ทั้งระยะห่างระหว่างเสา เทคนิคการก่อสร้าง ราคา ความรวดเร็วในการก่อสร้าง และทีมรับเหมาพื้น Post ซึ่งโปรแกรมออกแบบพื้นคอนกรีตอัดแรงที่ได้ความนิยมมากที่สุดในโลก รวมถึงในประเทศไทย ก็คือ โปรแกรม ADAPT Floor Pro และ ได้พัฒนาโปรแกรมเพิ่มเติมให้สามารถคำนวณได้ทั้งอาคารได้ เพื่อให้ทำงานได้ครบ workflow ของการออกแบบโครงสร้างอาคารสูงด้วย BIM (Building Information Modeling)
การประมาณราคาก่อสร้างจากเดิมที่ใช้สเกลวัดระยะบนพิมพ์เขียว แล้วนำมาคำนวณบน Excel แล้วมาบวกเปอร์เซ็นต์วัสดุเสียเศษ ซึ่งเป็นวิธีที่มีความคลาดเคลื่อนมากที่สุด ใช้แรงงานมาก ตรวจสอบย้อนกลับไม่ได้ และ ต้องถอดแบบหลายๆครั้งบนโครงการเดียวกัน เช่น ถอดแบบเพื่อวางแผนงานโครงการ ทำ cost control และ วางแผนการจัดซื้อวัสดุ ซึ่งแต่ละครั้งก็ไม่เคยตรงกัน และเสียเวลาซ้ำๆกัน ไม่เกิด Productivity ในการทำงาน
การเปลี่ยนแปลงการประสานงานแก้ไขไฟล์ BIM ที่พบว่าเกิดการ Crash Detection ในแต่ละยุค เพื่อให้ทำงานดีขึ้น เหมาะสมกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้ BIM Manager ทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น ลดต้นทุนการทำงาน ผลงานมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ลดการต้องไป Coring คอนกรีตในระหว่างการก่อสร้างลง
สำหรับสถาปนิกการที่สามารถนำเอาผลงานออกแบบออกมาแสดงให้เสมือนจริงด้วยวิธี VR และ AR เป็นวิธีที่หนึ่งที่ทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ เข้าใจผลงานออกแบบได้ง่าย
การบริหารโครงการให้โครงการเสร็จทันตามเวลาและงบประมาณที่กำหนด นอกจากจะต้องใช้การบริหารโครงการด้วยเวลาแล้ว สิ่งที่เกี่ยวข้องคือ เอกสาร เช่น สัญญา แบบก่อสร้าง การเบิกเงินงวด การประชุม จดหมายโต้ตอบ การขออนุมัติต่างๆ และอื่นๆ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงขั้นตอนการออกแบบ ก่อสร้าง และ นำเอกสารทั้งหมดไปส่งมอบให้กับเจ้าของโครงการ (Project Handout)
โปรแกรม ADAPT Builder 2019 ออกรุ่นใหม่ที่ทำให้วิศวกรโครงสร้างสามารถออกแบบอาคารสูงได้ง่ายขึ้น ทั้งพื้นและคานเอียงเป็นทางลาดชั้นจอดรถ และคำนวณค่า P-Delta effect และทำให้ workflow ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
การออกแบบโครงการก่อสร้างขนาดเล็กอาจไม่ค่อยเกิดปัญหากับการใช้ BIM (Building Information Modeling) Revit แต่สำหรับการออกแบบก่อสร้างโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่หรือโครงการที่มีความซับซ้อน (Complex) ปัญหาแบบขัดแย้งกลายเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะการทำงานร่วมกันหลายๆองค์กร หลายๆคน ทำให้ต้องมีโปรแกรม Navisworks มาช่วยตรวจสอบจุดขัดแย้ง (Crash Detection) ทำให้เจอปัญหาในพริบตา แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นต่อ แล้วเราจะทำกับประเด็นที่เจอ อย่างไรดี 1) ทำด้วยมือ ประชุม จดหมายแจ้ง 2) ทำด้วย BIMTrack
หลักสูตรด้านวิศวกรรมศาสตร์ปัจจุบันถูกท้าทายโดยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์สมัยใหม่ที่เรียกว่า Digital Disruption ที่ทำให้หลักสูตรที่สอนกันมาเป็นร้อยปีต้องถึงทางต้น หรือ จากวิชาเรียนเป็นสายวิทย์ หรือ สายวิทยาศาสตร์ (Sciences) ต้องเปลี่ยนไปเป็นหมวดประวัติศาสตร์กันเลยทีเดียว การใช้คอมพิวเตอร์ให้ทำงานให้เร็วขึ้นก็ไม่เพียงพออีกต่อไป การที่บอกว่าใช้คอมพิวเตอร์แล้วทำให้เกิดประสิทธิภาพ มันเริ่มไม่เพียงพออีกต่อไป เหมือนเราวิ่งหนี สึนามิ แต่มันไม่เร็วพอกับความเร็วของคลื่นยักษ์ที่เร็วกว่าหลายสิบเท่าตัว
เจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างอยากจะเห็นข้อมูลตัวเลขที่แท้จริงของการประมาณราคา ส่วนการปรับราคาขึ้นลงเป็นหน้าที่ของเจ้าของบริษทว่า จะวางกลยุทธ์อย่างไร เพื่อให้ชนะการประมูงาน แต่ปัญหาที่ผ่านมาคือ เจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างไม่มีโอกาสได้เห็นตัวเลขจากฝ่ายประมาณราคาที่แท้จริงเลย อาศัยความใจกล้าในการตัดตัวเลขในบางหมวดออก
ประเทศไทยมีโบราณสถานที่มีคุณค่าทางสถาปัตยกรรม เป็นจำนวนมากทั่วประเทศ ทำให้มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมาประเทศไทย ทำให้ก่อให้เกิดรายได้เข้าประเทศเป็นอันดับต้นๆของประเทศ แต่เราจะทำให้ยังไงที่เราจะบริหารทรัพย์สินโบราณสถานให้มีอายุตราบนานเท่านาน เพื่อคงไว้ให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้มีโอกาสชื่นชมที่มาของบรรพบุรุษของตัวเอง Historic Digital Twins Project เป็นโครงการที่คิดขึ้นโดย บริษัท ทูพลัส ซอฟท์ จำกัด เพื่อเสนอแนวความคิดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำเอาแนวความคิดนี้ไปใช้
วิศวกรธรณีเทคนิคอาจใช้เวลาไม่นานมากในการวิเคราะห์เสถียรภาพลาดดิน (Slope Stability) โดยเฉพาะทางลาดริมเขา และ เหมืองแร่ แต่การจำลองโมเดล 3 มิติให้เสมือนจริงอาจต้องใช้เวลานาน ในการสำรวจ แล้วต้องนำมาสร้างเป็นโมเดล 3 มิติแล้วค่อยทำการวิเคราะห์ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ลักษณะงานแบบนี้เริ่มมีการทำให้เป็นโซลูชั่นช่วยให้วิศวกรธรณีเทคนิคทำงานได้รวดเร็วขึ้น แม่นยำชึ้น และ นำเสนอผลงานได้สวยงามขึ้น
การสร้างโมเดลอาคารที่มีรูปทรงแปลกๆ จะยากมากในการสร้างให้ได้รูปทรงที่ผู้ออกแบบพอใจ หรือ การสร้างเงื่อนไขชิ้นส่วนอาคารให้ได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด หากผู้ออกแบบพยายามทำเองต้องใช้เวลานานมากๆ ปัจจุบันมีการออกแบบ Parametric Objects ให้ได้ตามที่ผู้ออกแบบกำหนด ซึ่งค่าย Bentley พัฒนาใช้งานมาเกือบ 10 ปีมาแล้ว แต่อาจไม่ค่อยมีใครรู้จักในบ้านเรา
การประมาณราคาก่อสร้าง เป็นเรื่องน่าเบื่อ เพราะตรวจสอบไม่ได้ มีความคลาดเคลื่อนสูง โอกาสผิดพลาดได้ง่าย ทำให้การประมาณราคากลายเป็นเรื่องมืดดำสำหรับผู้รับเหมาก่อสร้าง หรือ เจ้าของโครงการ ที่ต้องการได้ข้อมูลประมาณราคามาทำงานในส่วนอื่น
เทคโนโลยี 4D BIM เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักวางแผนงานก่อสร้าง สามารถวางแผนโครงการก่อสร้างได้เสมือนจริง ทำให้ลดและแก้ไขการวางแผนที่ไม่สมจริงด้วยการจำลองเป็นการก่อสร้างเสมือนจริงบนคอมพิวเตอร์ และแสดงเป็น 3 มิติ พร้อมกับเชื่อมโยงกับแผนงานก่อสร้าง Oracle Primavera P6 , MS Project และอื่นๆ ทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมา comments กันระหว่างการวางแผนโครงการได้ ทำให้แผนงานเสมือนการทำงานจริงสุดๆ
จากการนำเสนอผลงานการออกแบบ จากเดิมที่ต้อง Rendering ในโปรแกรม Rendering ต่างๆซึ่งต้องใช้เวลาในการ Rendering เป็นเวลานานๆ และได้เป็นภาพนิ่ง แต่หากมีเทคโนโลยีที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกแบบ Immersive ทำให้เสมือนจริงมาก
เทคโนโลยีด้านการสำรวจ ออกแบบถนน ปัจจุบันได้พัฒนาจากเดิมไปมาก ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับ Disruptive Technology เลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะทำงานเป็นส่วนๆแบบเดิม ปัจจุบันการต่อเชื่อมเทคโนโลยีเริ่มเชื่อมโยงกันตั้งแต่ การสำรวจ การออกแบบ การประมาณราคา การนำเสนอโครงการ (Presentation) การนำเอาข้อมูล Infrastructure BIM ไปเข้ากับเครื่องมือสำรวจ และ เครื่องจักรกลก่อสร้าง ทำให้ไม่ต้องยิง steak อีกต่อไป เพราะเครื่องจักรกลก่อสร้างปรับระดับที่ได้จากไฟล์คอมพิวเตอร์ ทำให้ได้ผลงานที่ดี
จะดีแค่ไหนนะ หากเราออกแบบโครงการด้วยระบบ BIM เช่น อาคาร และ ระบบสาธารูปโภค (Infrastructure) จากหลากหลายองค์กร จากหลายหลายโปรแกรม หลายนามสกุล เช่น Bentley,Revit,ALLPLAN , Sketchup ,ArchiCAD หรือ ไฟล์ IFC แต่ทั้งหมดสามารถเชื่อมโยงข้อมูลกันได้ โดยแต่ละคนก็ต่างคนต่างทำงานของตัวเอง โดยเอาข้อมูลขึ้นไปวางไว้ในเว็ป ตรวจสอบข้อมูลแต่ละชิ้นส่วนอาคารได้ เปิดสิทธิการทำงานแต่ละคนได้ ว่าใครดูได้ แก้ไขได้ เหล่านี้เป็นต้น และ สามารถสร้างเป็น Application เสริมใน iModelHub ได้ โดยไม่ต้องเสียค่า License
การศึกษาในหลักสูตรวิศวกรรมโยธาแต่เดิม สอนในภาพกว้างคือเรียนทั้งออกแบบ ก่อสร้าง แบบทั่วๆไป มีเรียนทั้งงานอาคาร และ งานโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน สำรวจ เป็นต้น แต่ปัจจุบันนี้ความรู้ เทคโนโลยี และซอฟท์แวร์ เปลี่ยนแปลงไปจากการเรียนการสอนแบบเดิมๆไปมาก ทำให้วิศวกรจบการศึกษาแล้วทำงานภาคสนาม และ ส่วนออกแบบในสำนักงานไม่ได้ ความรู้ที่เรียนมาไม่เพียงพอ ทำให้บริษัทที่รับพนักงานใหม่เข้ามาต้องเสียเวลาต้องมาสอนกันใหม่
หลายท่านอาจเข้าใจคำว่า BIM (Building Information Modeling) แต่ก็คงมีหลายท่านแล้วคำว่า OpenBIM และ IFC มาจากไหน ? ซึ่งบทความเล็กๆนี้จะทำให้ท่านเข้าใจแบบง่ายๆได้ เพียงเวลาไม่ถึง 10 นาที
การจำลองโมเดลเป็น 3 มิติจากสิ่งที่เป็นกายภาพ (Physical) เช่น สถานที่ อาคาร สิ่งปลูกสร้าง เฟอร์นิเจอร์ รถยนต์ เป็นต้น ให้เป็น Model 3 มิติ (BIM ซึ่งเป็นเพียงทางผ่านของเทคโนโลยีเท่านั้น) เป็น Digital แล้วติดอุปกรณ์ IoT (Internet of Thing) บนกายภาพนั้นๆ ทำให้ส่งสัญญาณเข้าสู่ซอฟท์แวร์ออน์ไลน์ ทำให้เราสามารถทราบข้อมูลต่างๆที่เกิดขึ้นกับสิ่งของกายภาพนั้นได้เสมือนจริง เช่น หากมีคนย้ายเก้าอี้ ซอฟท์แวร์อของเราก็จะมองเห็นว่าเก้าอี้ได้ถูกย้ายไปแล้ว เลยกลายเป็นระบบฝาแฝดเสมือน ซึ่งเป็นตัวต่อให้กับการทำงานของ AI, Machine Learning, Big Data แล้วระบบ BIM ของคุณออกแบบไว้รองรับ Digital Twins หรือไม่ ?